ฟอร์ด เปิดตัว Ranger และ Everest เจเนอเรชันใหม่ รุ่นย่อยล่าสุด

ฟอร์ดสร้างตำนานบทใหม่ให้วงการยานยนต์ไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยล่าสุดของรถ Ford Ranger  และ Everest เจเนอเรชันใหม่ ต่อยอดความเป็นผู้นำไปอีกขั้นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะ เพื่อยกระดับการตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการทำงานที่หลากหลายและครอบคลุมยิ่งขึ้น

โดยรถที่เปิดตัวครั้งนี้เริ่มตั้งแต่ 

Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ รุ่น Stormtrak 

รุ่นท็อปใหม่ล่าสุดของ Ranger  ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ติดตั้งราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) เป็นครั้งแรก สามารถปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ได้มากถึง 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว รองรับการติดตั้งหรือขนย้ายอุปกรณ์เพื่อการผจญภัยและการทำงานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น พร้อมรองรับน้ำหนักสูงสุดถึง 80 กก. ขณะขับและ 250 กก. ขณะจอด

เปิดตัวในราคา 1,264,000 บาท สำหรับรุ่น 4×2 และราคา 1,399,000 บาท สำหรับรุ่น 4×4 

Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่

มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบที่ดุดันและอุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์ไฟฟ้า (E-Shifter) กล้องมองรอบคัน 360 องศา เบรกมือไฟฟ้า เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง ไฟหน้าแบบเมทริก แอลอีดี ไฟท้ายแอลอีดี หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 12.4 นิ้ว หน้าจอควบคุมการสั่งงานแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว แท่นชาร์จแบบไร้สาย และระบบเชื่อมต่อการสื่อสารผ่าน FordPass เปิดตัวในราคา 1,769,000 บาท 

Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ รุ่น XLS

มาพร้อมความแข็งแกร่งของตัวถังและช่วงล่าง ผสานเทคโนโลยีทันสมัย และระบบความปลอดภัยครบครัน โดดเด่น มาพร้อมตัวเลือกทั้งแบบ 4 ประตู และแบบตอนครึ่ง ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเพิ่มคุณสมบัติด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มคันเพื่อตอบโจทย์การเป็นรถกระบะเพื่อการทำงานอย่างตรงจุด เช่น ไฟหน้าแบบ LED Multi Reflexter พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED บันไดเหยียบข้างกระบะท้าย กล้องมองหลังขณะถอยจอด แผงหน้าปัดดิจิทัล หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 10.1 นิ้ว และพวงมาลัยไฟฟ้า 

เปิดตัวในราคา 794,000 บาท สำหรับกระบะแบบตอนครึ่ง และ 879,000 บาท สำหรับรุ่นกระบะ 4 ประตู 

Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ รุ่น Wildtrak

ต่อยอดสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Wildtrak เท่ แข็งแกร่ง และขับสนุกในทุกการเดินทาง มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E- Shifter ระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมดการขับขี่ 

ห้องโดยสารได้รับการออกแบบโฉมใหม่ด้วยสีดำทั้งหมด รวมทั้งเบาะหนังและหนังสังเคราะห์สีดำพร้อมเดินด้ายสีส้ม และโลโก้ซิกเนเจอร์ ‘Wildtrak’ ที่เบาะคู่หน้า ตัวอักษร WILDTRAK สีดำบนฝากระโปรงหน้า เปิดตัวในราคา 1,899,000 บาท